top of page
  • รูปภาพนักเขียนAnantaya Pornwichianwong

5 แนวทางการใช้ AI ยกระดับธุรกิจการเงิน



เอไอในธุรกิจการเงินและธนาคารเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีการคาดการณ์ว่าการใช้เอไอในภาคส่วนธุรกิจเหล่านี้จะเติบโตขึ้นกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2022 ถึง 2027 ซึ่งชี้ชัดว่าทุกธุรกิจด้านการเงินต้องเริ่มตื่นตัวในการนำเอไอมาประยุกต์ใช้ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จะก้าวตามคู่แข่งไม่ทัน


เทคโนโลยีเอไอมีให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งล้วนมีเป้าหมายมาเพื่อแบ่งเบาภาระในการทำงาน แก้ปัญหาความผิดพลาด เพิ่มคุณภาพของงาน หรือทำให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยใช้แรงและเวลาน้อยลง สำหรับเอไอในธุรกิจการเงินและธนาคารก็เช่นกัน ความสามารถที่หลากหลายของเอไอจะมายกระดับธุรกิจการเงินและการธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าเดิม การช่วยวิเคราะห์สินเชื่อ การเพิ่มความปลอดภัยในระบบ การทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษาทางการเงิน ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในขอบเขตความสามารถของเอไอทั้งสิ้น ซึ่งวันนี้เซอร์ทิสจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับโซลูชันเอไอในธุรกิจการเงินเหล่านี้กันครับ



1. สร้างประสบการณ์ใหม่แบบ Personalized Banking


ความสามารถหลัก ๆ อย่างแรกที่เอไอมีคือ การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว นี่จึงเป็นโซลูชันที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการสร้างประสบการณ์และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจที่สุดนั้น คือการให้บริการแบบ Personalized กล่าวคือการวิเคราะห์ข้อมูลประวัติการใช้งานของลูกค้าในทุกมิติ เพื่อทำความเข้าใจความต้องการและความชอบของลูกค้า และนำไปสู่การนำเสนอบริการอย่างตรงจุด ซึ่งการสร้างประสบการณ์แบบ Personalized ไม่ใช่แค่สิ่งที่ควรมี แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมี เพื่อให้อยู่เหนือคู่แข่งในโลกอุตสาหกรรมการเงินที่การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ได้


ตัวอย่างการนำเอไอมาช่วยสร้างประสบการณ์แบบ Personalized Banking มีหลากหลาย เช่น การนำ Chatbot เข้ามาเป็นผู้ช่วยตอบคำถามต่าง ๆ ให้ลูกค้า การใช้ระบบสั่งการด้วยเสียงแบบเดียวกับ Siri หรือ Alexa มาประยุกต์ใช้กับการสั่งการธุรกรรมต่าง ๆ เช่น เช็กยอดเงินคงเหลือ ตั้งเวลาโอนเงิน หรืออื่น ๆ อีกมากมาย


รวมไปถึงการมีแพลตฟอร์มที่ใช้เอไอมาช่วยจัดการการเงินของเรา โดยช่วยติดตามรายรับรายจ่าย พฤติกรรมการใช้จ่าย หักเงินออมให้เราอัตโนมัติ พร้อมช่วยวางแผนการใช้จ่ายเพื่อแนะนำวิธีที่จะช่วยปรับลดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด ซึ่งกลุ่มลูกค้ากว่า 53 เปอร์เซ็นต์ของธนาคารที่หันมาใช้โซลูชันนี้ มองว่าโซลูชันนี้เป็น Game changer ที่จะพลิกอุตสาหกรรมธนาคารได้เลยทีเดียว


2. ช่วยวิเคราะห์การอนุมัติสินเชื่อ (Loan Decisions)


เอไอสามารถเข้ามาช่วยในกระบวนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้เช่นกัน โดยจะนำเอไอเข้ามาใช้วิเคราะห์ประวัติข้อมูลย้อนหลังจนถึงปัจจุบัน ทั้งข้อมูลรายได้ อาชีพ การศึกษา สินทรัพย์ ความมั่นคงทางการเงิน ประวัติการชำระหนี้ของลูกค้า ข้อมูลทางประชากรศาสตร์ หรืออาจลงลึกไปจนถึงข้อมูลด้านพฤติกรรมอื่น ๆ เช่น ประวัติการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อประเมินความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ วิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ วงเงิน และดอกเบี้ย


ธนาคารสามารถเพิ่มความเร็วในกระบวนการวิเคราะห์และทุ่นแรงของเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ ด้วยการให้เอไอมาเป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้แทน ซึ่งจะสามารถทำได้เร็วกว่า โดยปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีเอไอประเภท Optical Character Recognition (OCR) ที่สามารถอ่านและแปลงข้อมูลตัวอักษรจากภาพได้ จึงช่วยประหยัดเวลาในกระบวนการวิเคราะห์ก่อนการตัดสินใจได้เป็นอย่างมาก และมีข้อมูลพร้อมเพื่อให้ธนาคารนำมาประกอบการตัดสินใจทั้งหมดในตอนท้าย



3. เพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม


ข้อมูลที่ไหลเวียนอยู่ในอุตสาหกรรมธนาคาร เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ค่อนข้างสำคัญและอ่อนไหว ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมสำคัญมาก สถาบันการเงินทั่วโลกเริ่มพิจารณาการเลือกเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ตั้งแต่ข้อมูลทางการเงิน ไปจนถึงชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านสำหรับเข้าระบบต่าง ๆ เช่น Mobile Banking ให้ปลอดภัยขึ้นกว่าเดิม โดยย้ายจากฐานข้อมูลทั่วไป ไปเก็บไว้ในระบบ Blockchain ที่รัดกุมและโปร่งใสกว่าแทน


รวมถึงการนำเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงอย่างระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) จดจำเสียง (Voice Recognition) หรือข้อมูลไบโอเมตริกส์อื่น ๆ มาประยุกต์ใช้กับระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อเพิ่มความรัดกุมขึ้นอีกขั้น และทำให้ระบบยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าได้อีกระดับ


การนำเทคโนโลยี Natural Language Processing (NLP) มาใช้ในการตรวจจับอีเมลและข้อมูลต่าง ๆ ที่มีการส่งเข้าออกระบบของธนาคาร เพื่อตรวจหาพฤติกรรมที่น่าสงสัย และตรวจดูว่ามีการรั่วไหลของข้อมูลหรือไม่ ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่เราสามารถประยุกต์ใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในธนาคารได้


4. แพลตฟอร์มช่วยแนะนำการลงทุนแบบ Robo-Advisory


Robo-Advisory เป็นแพลตฟอร์มที่เข้ามาช่วยบริหารการลงทุนอัตโนมัติ เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ช่วยดูแลพอร์ตของลูกค้าในสถาบันการเงิน ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านการลงทุน และออกแบบพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมาย ระยะเวลา และตรงตามความเสี่ยงที่ลูกค้ารับได้ รวมถึงมีการวิเคราะห์ตลาดแบบเรียลไทม์เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติ


โดยแพลตฟอร์ม Robo-Advisor จะทำงานโดยให้เราเทรนโมเดลแมชชีนเลิร์นนิงด้วยข้อมูลทางการเงินการลงทุน รวมถึงข้อจำกัดและความต้องการของลูกค้า หลังจากเรียนรู้ข้อมูลเหล่านี้แล้ว โมเดลก็จะทำการวิเคราะห์และเลือกหารูปแบบการลงทุนที่เหมาะกับลูกค้าให้ได้อัตโนมัติ และทำการแจ้งเตือนทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ลูกค้าต้องทำมีเพียงแค่การฝากเงินเข้าไปลงทุนสม่ำเสมอเท่านั้น


โดยการใช้ Robo-Advisor เข้ามาช่วยในกระบวนการดูแลพอร์ตนั้นเป็นโซลูชันที่ช่วยประหยัดต้นทุนในการจ้างบุคลากร ลดค่าเสียโอกาสจากการที่มนุษย์อาจวิเคราะห์การลงทุนได้ไม่ครอบคลุมพอ ทำให้มองข้ามโอกาสในการลงทุนบางรูปแบบไป และลดความผิดพลาดจากการจัดพอร์ตที่ไม่เหมาะสมได้อีกด้วย



5. ใช้ Process Automation เปลี่ยนการทำงานเดิม ๆ ให้เป็นระบบอัตโนมัติ


การใช้ระบบอัตโนมัติแบบ Robotic Process Automation (RPA) ที่ใช้เอไอเข้ามาเรียนรู้งานของมนุษย์ และทำแทนในส่วนงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ หรือต้องใช้เวลามาก เป็นวิธีที่ช่วยลดต้นทุน ลดความผิดพลาดจากมนุษย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสถาบันการเงินได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีรายงานว่าสำหรับบางองค์กรสามารถลดต้นทุนในการทำงานได้ราว 50-70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว


โดยระบบอัตโนมัติที่ทำงานด้วยเอไอสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานรูทีนจากเดิมที่ต้องใช้เวลามาก เช่น ซอฟต์แวร์เอไอที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล พร้อมทำรีพอร์ตสรุปผลตามตัวชี้วัดต่าง ๆ ให้เสร็จสรรพ ช่วยตรวจสอบเอกสารของลูกค้า และแปลงข้อมูลจากเอกสารเป็นข้อมูลที่พร้อมจัดเก็บในระบบ เป็นต้น


ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเอไอมากมายที่สามารถเข้ามาช่วยทุ่นแรงในงานต่าง ๆ ซึ่งแต่ละองค์กรสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ โซลูชันที่เลือกมาใช้ควรจะเหมาะสมกับธุรกิจของเรา ตอบโจทย์ปัญหาที่มีเฉพาะแค่ธุรกิจนี้ และช่วยพัฒนาธุรกิจของเราได้จริง


ที่เซอร์ทิส เราออกแบบโซลูชันด้วยเทคโนโลยีเอไอที่หลากหลาย แต่เน้นความสำคัญที่การออกแบบโซลูชันแบบ Customized ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อแต่ละองค์กรในทุกอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมการเงินด้วยเช่นกัน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจนั้น ๆ ให้ธุรกิจได้เลือกลงทุนกับเทคโนโลยีที่ใช่และมีประสิทธิภาพสูงสุด สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ทั้งระบบการทำงานต่าง ๆ รวมถึงเพิ่มผลกำไรและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืน


เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันจากเซอร์ทิสได้ที่: https://www.sertiscorp.com/services

bottom of page