top of page
รูปภาพนักเขียนSertis

ปรับตัวหลังโควิด-19 วิถีชีวิต New Normal



สถานการณ์โควิด-19 ส่งให้ผลให้ทุกคนทั่วโลกต่างต้องปรับตัวรับมือกันครั้งใหญ่ อย่างที่ผมย้ำมาโดยตลอดว่า เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญมาก ทั้งการแก้ปัญหาต่าง ๆ การขับเคลื่อนช่วยสร้างโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ รวมทั้งวิถีปฏิบัติใหม่ที่เราต้องทำความคุ้นชิน เพราะถึงแม้ว่าวิกฤตินี้อาจจะคลี่คลาย แต่เราไม่อาจจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้ เกิดเป็น New Normal สำหรับ “ผู้ที่พร้อมปรับตัว” เท่านั้น

นิยามใหม่ของคำว่าบ้าน

Social Distancing ทำให้เราต้องอยู่บ้านเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ บ้านจึงเป็นทั้งสถานที่พักผ่อน ที่ออกกำลังกาย ที่ทำงาน และสถานศึกษา โครงสร้างพื้นฐานของระบบอินเตอร์เน็ตและเครื่องใช้ เช่น คอมพิวเตอร์ Smart Device รวมถึงอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับระบบ IoT ได้ จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น หลายองค์กรที่ไม่เคยคิดเรื่อง WFH ก็จะสร้างนโยบายขึ้นใหม่เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าโรคนี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่และจากแนวโน้มที่เรายังต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดนี้ไปอีกนาน ภาครัฐและเอกชนควรพิจารณางบประมาณและนโยบายสนับสนุนอำนวยความสะดวกจัดหาอุปกรณ์พื้นฐานให้ทุกคนได้ทำงานและเรียนอยู่ที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพและเท่าเทียม

การแข่งขันกันพัฒนาระบบบริการออนไลน์

หลายองค์กรที่เริ่มเก็บข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า คงพิจารณาโซลูชั่นออกมารองรับความต้องการของตลาดในสถานการณ์เช่นนี้ เนื่องจากปริมาณลูกค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น แชทบอทจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้ประกอบการตัดสินใจสร้างแพลตฟอร์มนี้ ผมอยากให้ลืมแชทบอทแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะปัจจุบันแชทบอทมีความฉลาดและเสถียรมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง ส่วนช่องทางการชำระเงินก็จะอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดการสัมผัส เราจึงจำเป็นต้องมีแอปพลิเคชันหลายค่ายไว้รองรับการจ่ายเงินออนไลน์ของร้านค้าที่กำหนด

เดทระยะไกล

ร้านอาหารสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ให้ทานได้โต๊ะละ 1 ท่าน โรงภาพยนตร์ปิดให้บริการ ห้างสรรพสินค้าให้รักษาระยะห่าง 1.5-2 เมตร การออกไปเดทกันอาจเป็นเรื่องที่ยากขึ้น เราอาจจะได้เห็นแอปพลิเคชันหาคู่ใหม่ ๆ ที่จะมารองรับความต้องการในส่วนนี้ มีรายงานว่าก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 มีคนโสดเพียง 6% ที่ใช้ฟีเจอร์วิดีโอคอลในการพูดคุยกับคู่เดท แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึง 69% แอปหาคู่จะเปลี่ยนรูปแบบไป ไม่ใช่เพื่อรองรับการพูดคุยผ่านข้อความหรือโทรคุยด้วยเสียงเท่านั้น เราเองก็อาจจะต้องพิจารณาตัวช่วยการหาคู่จากแอปพลิเคชัน แทนการแนะนำของเพื่อนที่ได้ออกไปทำกิจกรรมร่วมกัน

Telehealth พบหมอแบบมีระยะห่าง

ผู้คนจะออกจากบ้านเมื่อจำเป็นเท่านั้น แม้แต่การพบแพทย์ก็สามารถทำได้ที่บ้านแล้ว ถึงแม้จะมีข้อจำกัดในการวินิจฉัยโรคบางประการ แต่หลายหน่วยงานได้ร่วมกันพัฒนาเครื่องมือทางการแพทย์ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลเพื่อสะดวกต่อการวินิจฉัยโรคมากขึ้น เช่น สหรัฐอเมริกามีการพัฒนาหูฟังแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Stethoscopes) ที่มีความสามารถในการฟังเสียงการทำงานของหัวใจและปอด โดยสามารถทำการบันทึกเสียงและแชร์ข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟนส่งให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยได้ ในอนาคตอันใกล้นี้เราก็จะได้เห็นการพัฒนา Handheld Examination Kit ใหม่ ๆ ที่จะเชื่อมคนไข้ให้พบกับแพทย์ได้แม้ไม่ต้องเจอกัน

ร่วมอีเว้นท์ออนไลน์

อีเว้นท์ต่าง ๆ จะในรูปแบบ Virtual Meeting เพื่อลดการรวมตัวของผู้ร่วมงาน ซึ่งยังมีข้อจำกัดในเรื่องของอารมณ์ร่วมของผู้ร่วมงาน หรือการสร้าง connection ระหว่างกัน โดยผู้จัดงานอาจจะสร้างเป็นอวตาร (Avatar) ทำให้ผู้ร่วมงานได้รู้สึกเหมือนอยู่ในงานจริง ๆ จากเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศในการร่วมงานมากขึ้น

เห็นได้ชัดว่า New Normal เกิดขึ้นโดยมีเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน สิ่งสำคัญคือเราทุกคนต้องเปิดใจ และเรียนรู้ที่จะปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง เพราะถ้าเรายังปฏิบัติตามความคุ้นเคยแบบเดิม อาจนำมาซึ่งการเป็นสาเหตุของการแพร่เชื้อได้ เราอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวอยู่บ้าง แต่ในที่สุดแล้วเราก็จะอยู่กับความปกติใหม่นี้ได้ครับ

Comments


bottom of page