top of page
  • รูปภาพนักเขียนTee Vachiramon

ข้อมูลและเอไอ เปลี่ยนวิธีบริหารคลังสินค้าอัจฉริยะ



หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจค้าปลีกให้ประสบความสำเร็จคงหนีไม่พ้นการบริหารคลังสินค้า ซึ่งถ้าเราเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ มีร้านเล็ก ๆ ขายสินค้าไม่กี่อย่าง การจัดการระบบหลังบ้านคงยังไม่ใช่เรื่องยาก แต่ลองนึกภาพถึงธุรกิจขนาดกลางไปจนถึงใหญ่ที่ขายสินค้าหลายร้อยหลายพันรายการ มีคำสั่งซื้อทุกนาที และมีหน้าร้านหลายสาขา เราจะต้องใช้คนจำนวนเท่าไหร่จึงจะลดความผิดพลาดและเพิ่มความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้าไปยังลูกค้าให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด แต่หากเราใช้คนจำนวนมาก เจ้าของธุรกิจเองก็จะต้องแบกรับต้นทุนที่มากมายมหาศาล โจทย์ต่าง ๆ เหล่านี้จึงทำให้เจ้าของธุรกิจหลายคนหันมาศึกษาและเข้าสู่วงการเอไอและดาต้าที่จะช่วยยกระดับการบริหารงานให้รวดเร็ว แม่นยำ และลดต้นทุนเพื่อสร้างผลกำไรในที่สุด


เอไอสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ใหม่ ๆ จากข้อมูล และปรับเปลี่ยนได้ตามที่เราต้องการ ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น การขาดแคลนแรงงาน การแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ และการขยายธุรกิจสู่โลกออนไลน์ที่ไม่มีวันหยุดพัก ทำให้เทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ยกตัวอย่างเช่น การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติทั้งรถยก หุ่นยนต์ และโดรน เข้ามาช่วยในการทำงานต่าง ๆ ซึ่งเราคงคุ้นตากันดีกับแบรนด์อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ Alibaba ที่มีสถิติการใช้หุ่นยนต์ภายในคลังสินค้าสูงถึง 70% เลยทีเดียว อีกเทคโนโลยีที่น่าสนใจคือ RFID (Radio Frequency Identification) หรือระบบเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านค่าได้ผ่านคลื่นวิทยุ เพื่อตรวจติดตามและบันทึกข้อมูลสินค้าว่าผลิตที่ไหน หมดอายุเมื่อไหร่ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการสัมผัสหรือเห็นวัตถุนั้น ๆ ในระยะใกล้ ช่วยประหยัดเวลาและง่ายต่อการบริหารคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ในส่วนของการจัดการพนักงานคลังสินค้า ส่วนใหญ่จะพบว่าอาศัยประสบการณ์การทำงานของหัวหน้าทีมในการแบ่งหน้าที่และเพิ่ม-ลดจำนวนพนักงานจากการดูตารางกะเข้างาน จำนวนคำสั่งซื้อ และกำหนดการส่งสินค้า ถึงแม้จะมีประสบการณ์มากเพียงใด แต่ก็อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ การนำเอไอมาวิเคราะห์โดยอาศัยข้อมูลแวดล้อมประกอบการคาดการณ์เพื่อช่วยวางแผนจัดการในส่วนนี้ จะช่วยลดการเสียโอกาสและความล่าช้าจากการจ้างงานที่มากเกินไปหรือไม่เพียงพอได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งสามารถช่วยวิเคราะห์และประเมินผลการทำงานของพนักงาน ผู้ผลิต และสินค้าต่าง ๆ ว่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งจะนำไปสู่การลดต้นทุนและต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ในอนาคต


นอกจากนี้ เอไอยังสามารถเข้ามาช่วยคาดการณ์ยอดขายในเดือนหน้าหรือในอนาคต รวมทั้งวิเคราะห์ประวัติการซื้อขายสินค้าแต่ละชนิด ร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ เช่น เทรนด์สินค้ายอดฮิต จำนวนลูกค้า สภาพอากาศ เพื่อช่วยให้ธุรกิจวางแผนจัดการคลังสินค้าได้อย่างแม่นยำ ลดการเสียโอกาสการขายเพราะสินค้าขาดสต็อก และลดต้นทุนในกรณีที่สินค้าเหลือค้างจากการสั่งเกินความต้องการ เอไอจะเข้ามาช่วยตอบคำถามว่า ควรจะเติมสินค้าอะไร เมื่อไหร่ คาดการณ์คำสั่งซื้อว่าจะเพิ่มหรือลดสินค้าใดในช่วงนั้น ๆ เพื่อให้ขาดเหลือน้อยที่สุด


อีกหนึ่งบทบาทที่น่าสนใจคือ การเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่คลังสินค้า ซึ่งการจัดวางสินค้าก็ส่งผลต่อความปลอดภัยของพนักงาน เอไอจะเข้ามาช่วยวางแผนการจัดวางสินค้าได้ว่า สินค้ายอดนิยมควรวางตรงไหน สินค้าที่มีน้ำหนักหรือแตกง่ายควรวางชั้นไหน พื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึงและจุดอับสายตาควรวางอะไรให้ปลอดภัยและลดการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ซึ่งมีตัวอย่างการนำ Computer Vision มาใช้กับรถขนส่งอัตโนมัติแบบไร้คนขับ (AGV) และหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) เพื่อเคลื่อนย้ายสินค้าหลบหลีกสิ่งกีดขวาง สร้างพื้นที่คลังสินค้าที่ปลอดภัยให้มนุษย์ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัย


จากตัวอย่างทั้งหมด ถ้ามีการนำเอไอมาใช้กับการจัดการคลังสินค้ามากขึ้น จะส่งผลดีต่อธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น ลดข้อผิดพลาดจากการคาดการณ์ที่แม่นยำขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติหลักของเอไอ เพิ่มความสามารถในการส่งมอบบริการได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ โดยผู้ประกอบการสามารถมองเห็นข้อมูลในภาพรวมและเชิงลึกได้ตลอดเวลา ทำให้เข้าใจสถานการณ์ธุรกิจ ณ ปัจจุบันเพื่อเตรียมปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และสามารถลดต้นทุนเพื่อสร้างผลกำไรให้ผู้ประกอบการได้ในที่สุด



bottom of page