ยุคนี้ใคร ๆ ก็อยากได้ทีมในฝันมาช่วยปั้นโปรเจกต์ให้ปังกันทั้งนั้น แต่การจะหาคนเก่งและเข้ากับองค์กรได้จากกองเรซูเม่จำนวนมากบางครั้งก็หายากราวกับงมเข็มในมหาสมุทรเลยก็ว่าได้ กว่าจะได้คนที่เหมาะสม ทีม HR ก็ต้องใช้แรงและเวลากันพอสมควรเลยทีเดียว
เมื่อมีข้อมูลมหาศาลแถมยังต้องใช้เวลาในการจัดการแบบนี้ ก็ถึงตาของเจ้าเทคโนโลยีแห่งยุคอย่าง “เอไอ” กันแล้วล่ะ เพราะแค่มีเอไอ การค้นหาคนที่เหมาะสมก็ง่ายขึ้นโดยที่ไม่ต้องมานั่งคัดเองให้เสียแรงเสียเวลาอีกต่อไป นอกจากประหยัดเวลาในการหาคนจากกองเรซูเม่แล้ว เอไอยังสามารถจับคู่คนกับงานได้ราวกับแอพหาคู่ เพราะมันจะช่วยวิเคราะห์ทั้งความสามารถและบุคลิกผู้สมัครให้ตรงกับที่ทางองค์กรต้องการมากที่สุด ทำให้ทั้งองค์กรและผู้สมัครต่างก็แฮปปี้ ลดเวลาในการทดลองงานไปได้มากเลยทีเดียว
วันนี้เราก็เลยจะพาไปดูกันว่าเอไอทำอย่างที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ได้อย่างไรและใช้เทคนิคอะไรบ้างจากบทความนี้กัน
1.คัดกรองเรซูเม่
เอไอสามารถสแกนและวิเคราะห์เรซูเม่จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว โดยเลือกผู้สมัครที่ตรงกับเกณฑ์ที่ทางองค์กรกำหนดไว้ด้วยเทคโนโลยี Natural Language Processing (NLP) ซึ่งช่วยให้เอไอเข้าใจและวิเคราะห์เนื้อหาในเรซูเม่ผู้สมัครได้แม่นยำ จากนั้นก็ดึงข้อมูลสำคัญ เช่น การศึกษา ทักษะ และประสบการณ์ออกมา ลดเวลาที่ทีม HR ต้องใช้ในการคัดกรองเบื้องต้น นอกจากนี้ เอไอยังช่วยลดอคติที่อาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น รูปร่างหน้าตา เชื้อชาติ ศาสนา เพราะเอไอจะมุ่งเน้นไปที่ทักษะและคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับงานเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากเอไอถูกฝึกจากข้อมูลที่มีอคติ อาจทำให้เกิดอคติในกระบวนการคัดเลือกได้ ดังนั้นการออกแบบระบบและตรวจสอบอย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งสำคัญ
2. สรรหาผู้สมัครเพิ่มเติม
เอไอสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์หางานและโซเชียลมีเดีย โดยใช้ Big Data Analytics เพื่อค้นหาผู้สมัครที่มีทักษะและประสบการณ์ตรงตามความต้องการของตำแหน่งงานนั้น ๆ ให้แก่องค์กรได้ นอกจากนี้เอไอยังสามารถระบุผู้สมัครที่มีศักยภาพสูงแต่ไม่ต้องการเปิดเผยว่าหางานแบบสาธารณะ ซึ่งช่วยให้องค์กรขยายฐานผู้สมัครและค้นหาบุคลากรที่เหมาะสมได้มากขึ้น
3. แนะนำงานแก่ผู้สมัคร
เอไอสามารถสร้างระบบแนะนำตำแหน่งงานที่เหมาะสมให้กับผู้สมัครตามเว็บไซต์หางานได้ โดยใช้เทคนิค NLP และ Machine Learning ในการอ่าน วิเคราะห์ข้อมูล และคัดเลือกผู้สมัครจากข้อมูลที่มี จากนั้นก็นำข้อมูลมาใช้กับระบบแนะนำ 2 แบบหลัก ๆ คือ
Content-Based Filtering ที่ใช้ข้อมูลจากโปรไฟล์ของผู้สมัครเองเพื่อให้คำแนะนำที่ตรงที่สุด
Collaborative Filtering ที่ใช้ข้อมูลจากผู้สมัครหลายคนที่มีความชอบหรือพฤติกรรมคล้ายกัน เพื่อแนะนำตำแหน่งงานที่ใกล้เคียงกันให้กับพวกเขา
4. ติดต่อกับผู้สมัครในช่วงเริ่มต้นผ่านแชทบอท
องค์กรสามารถใช้แชทบอทเพื่อสื่อสารกับผู้สมัครบนเว็บไซต์หรือแอปข้อความต่าง ๆ ในขั้นตอนเริ่มต้นของการรับสมัครงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง แชทบอทสามารถตอบคำถามทั่วไปเกี่ยวกับตำแหน่งงานหรือให้ผู้สมัครทำแบบประเมินเบื้องต้นได้ ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้ผู้สมัครและรักษาความสนใจของพวกเขาต่อตำแหน่งงานได้แม้ในเวลาที่ทีม HR ไม่สามารถตอบกลับได้ทันที
5. จัดตารางสัมภาษณ์
เอไอสามารถจัดการตารางสัมภาษณ์ผู้สมัครได้โดยอัตโนมัติ เช่น หาช่วงเวลาที่เหมาะสมระหว่างผู้สรรหาและผู้สมัคร ส่งคำเชิญ หรือแม้แต่จัดการการเปลี่ยนแปลงตารางใหม่ ช่วยลดการสื่อสารไปมาหลายครั้งและทำให้กระบวนการสรรหาดำเนินไปได้รวดเร็วขึ้น
6. การวิเคราะห์การสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอ
เอไอสามารถช่วยวิเคราะห์ผู้สมัครผ่านวิดีโอสัมภาษณ์ โดยใช้เทคโนโลยี AI Image Processing เพื่อตรวจจับภาษากาย โทนเสียง และการแสดงออกทางสีหน้าเพื่อประเมินความเหมาะสมทางบุคลิกภาพและความน่าเชื่อถือของผู้สมัครได้ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในระยะพัฒนา ความแม่นยำในการวิเคราะห์ยังต้องการการวิจัยและพัฒนาต่อไป ดังนั้นในการใช้งานก็ควรคำนึงถึงข้อจำกัดเหล่านี้ด้วย
7. คาดการณ์ผลลัพธ์และระยะเวลาการทำงานของผู้สมัครในอนาคต
นอกจากการเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมแล้ว แน่นอนว่าองค์กรส่วนใหญ่ยังต้องการผู้ที่สามารถทำงานร่วมกันในระยะยาวได้ เอไอสามารถคาดการณ์ได้ว่าผู้สมัครคนไหนมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในตำแหน่งนั้น ๆ และจะอยู่กับองค์กรในระยะยาว โดยใช้เทคโนโลยี Machine Learning ที่เรียนรู้จากข้อมูลในอดีตของผู้สมัครและพนักงานที่คล้ายคลึงกันเพื่อนำมาคาดการณ์
การนำเอไอมาประยุกต์ใช้ในการสรรหาบุคลากรไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของทีม HR เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้องค์กรได้เข้าถึงกลุ่มผู้สมัครที่หลากหลายมากขึ้นและสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นธรรมและเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการใช้เอไอนั้นจำเป็นต้องมีการพิจารณาถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการป้องกันอคติที่อาจเกิดขึ้นจากข้อมูลที่นำมาใช้ในการฝึกอบรมเอไอด้วย นอกจากนี้การพัฒนาเทคโนโลยีเอไอก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง การติดตามและปรับปรุงระบบเอไอให้ทันสมัยอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เอไอสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของตลาดแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในโซลูชันด้านดาต้าและเอไออย่างเซอร์ทิส เรามีบริการโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับการดูแลบุคลากรที่โดดเด่นอย่าง Employee Attrition Prediction ที่เข้ามาช่วยในการคาดการณ์การลาออกของพนักงานได้ ซึ่งก็จะช่วยให้องค์กรเตรียมพร้อมได้อย่างรวดเร็วขึ้นหากมีกรณีที่ต้องสรรหาบุคลากรทดแทน นอกจากนี้เรายังสามารถสร้างและปรับแต่งโซลูชันอื่น ๆ ให้ตรงกับความต้องการของแต่ละธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตและดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรียนรู้เพิ่มเติมและติดต่อเราได้ที่: https://www.sertiscorp.com/contact-us
Kommentare