top of page
  • รูปภาพนักเขียนAnantaya Pornwichianwong

5 เทรนด์ Data Analytics มาแรงในปี 2023



ก่อนที่ 2022 กำลังจะผ่านไป มาเตรียมตัวต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึง ด้วยเทรนด์ Data Analytics ที่จะมาแรงในปี 2023 ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ธุรกิจห้ามพลาดเด็ดขาด ถ้าอยากตามให้ทันคู่แข่ง


ในปีสั้น ๆ ที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย รวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ เอง ทั้งในส่วนของเอไอและข้อมูลก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็วตามการเปลี่ยนแปลงของโลก ในปี 2022 นี้เราได้เห็นความสำเร็จขององค์กรมากมายจากเทคโนโลยีอย่าง Data Analytics ที่ช่วยให้ธุรกิจหันมาใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อเพิ่มมูลค่าได้มหาศาล


และในปี 2023 เราเชื่อว่าเทคโนโลยี Data Analytics ก็จะยังคงมีอิทธิพลในทุกอุตสาหกรรม เพราะข้อมูลได้กลายเป็นหัวใจสำคัญในทุกขั้นตอนของธุรกิจ แทบธุรกิจใช้ข้อมูลในการสนับสนุนทุกก้าวเดินและการตัดสินใจ และในอนาคตเทคโนโลยีด้าน Data Analytics ก็มีแต่จะพัฒนามากขึ้นไปเรื่อย ๆ มีความสามารถและความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น


วันนี้เซอร์ทิสชวนทุกมาดูกันว่าเทรนด์ด้าน Data Analytics เทรนด์ใดบ้าง ที่มีแนวโน้มจะเป็นเทรนด์สำคัญในปี 2023 ที่จะเปลี่ยนโฉมธุรกิจและช่วยขับเคลื่อนทุกอุตสาหกรรมไปสู่อนาคต




1. Augmented Analytics


ท่ามกลางเทรนด์ด้าน Data Analytics ที่มาแรงทั้งหมดนั้น Augmented Analytics คือสิ่งที่เราจะได้มองเห็นมากขึ้นในปี 2023 นี้แน่นอน โดย Augmented Analytics คือการทำ Data Analytics แบบอัตโนมัติ โดยใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิง และเอไออย่าง Natural Language Processing (NLP) มาใช้ในการทำ Data Analytics ที่ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งอย่าง Data Scientist เข้าไปเกี่ยวข้องเลย


โดยระบบจะทำเองตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล จัดการเตรียมข้อมูล ตรวจจับเทรนด์และรูปแบบในข้อมูล และวิเคราะห์ออกมาเป็นผลลัพธ์ ซึ่งปกติแล้วหน้าที่ในการดึงข้อมูลและเตรียมข้อมูลจะอยู่ที่ Data Scientist เป็นหลัก ซึ่งเป็นงานที่ค่อนข้างกินเวลา Augmented Analytics จะใช้เทคโนโลยี NLP เข้ามาเพื่อใช้ทำความเข้าใจข้อมูล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ทำงานแทนมนุษย์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ




2. Data Democratization


Data Democratization หรือการทำข้อมูลให้เป็นประชาธิปไตย เป็นอีกเทรนด์ที่กำลังมาแรงในยุคที่ข้อมูลมีมูลค่ามหาศาล โดย Data Democratization เป็นเทรนด์ที่สนับสนุนความเสมอภาคในการใช้ข้อมูล ความมั่นใจในการใช้ข้อมูลและพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับข้อมูลอย่างโปร่งใส ความสะดวกในการใช้ข้อมูล และการได้สิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือที่เหมาะสมในการใช้ข้อมูล ซึ่งจะส่งผลให้องค์กรโดยรวมสามารถใช้ข้อมูลได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นำไปสู่สินค้าและบริการที่มีคุณภาพออกสู่มือผู้บริโภค


ตัวอย่างของการทำ Data Democratization ในองค์กร เช่น การที่ทีมที่ไม่ใช่ฝ่ายไอทีหรือเทคนิคสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการใช้ได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องมีฝ่ายไอทีมาจำกัดการเข้าถึง ตราบเท่าที่ไม่กระทบกับความปลอดภัยขององค์กร การทำ Data Democratization ในองค์กรจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราทำงานได้รวดเร็วขึ้นและใช้ข้อมูลได้เต็มศักยภาพ




3. Data Fabric


Data Fabric คือการออกแบบสถาปัตยกรรมของข้อมูลในองค์กรให้เชื่อมโยงกัน ถักทอร้อยเรียงชั้นข้อมูลในแต่ละชั้นให้เป็นผืนเดียวกันในทุก Cloud หรือระบบที่ใช้ กล่าวคือเป็นสถาปัตยกรรมที่เหมือนกันทั้งองค์กร แม้จะเป็นข้อมูลที่อยู่ในสภาพแวดล้อม มีกระบวนการใช้งาน หรืออยู่ในแหล่งที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น Cloud On-premise หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อการจัดเก็บที่เป็นระเบียบ ควบคุมดูแลที่ทั่วถึง ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง จัดการได้แบบ End-to-End โดยอัตโนมัติ ทำให้ดึงข้อมูลออกมาใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพ


โครงสร้างแบบ Data Fabric ทำให้องค์กรสามารถใช้แนวทางการจัดการข้อมูลแบบเดียวกันที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน ทำให้ลดงานในการออกแบบและจัดการข้อมูลในองค์กรได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นสถาปัตยกรรมที่เหมาะมากในยุคที่ข้อมูลมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ Data Fabric จะทำให้ระบบขององค์กรเป็นระเบียบและรวมเป็นหนึ่ง ในขณะที่ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กัน




4. Data-as-a-Service


Data-as-a-Service หรือ DaaS เป็นเทรนด์บริการทางด้านข้อมูลที่เราจะได้เห็นมากขึ้นในปี 2023 แน่นอน เนื่องจากความสำคัญของข้อมูลในการทำธุรกิจนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่องค์กรยุคนี้ขาดไม่ได้ แต่บางองค์กรก็อาจจะไม่มีทีมหรือทรัพยากรที่สามารถวางระบบจัดการข้อมูลได้เอง จึงเกิดเป็น Data-as-a-Service บริการจากองค์กรที่เชี่ยวชาญด้านข้อมูลในการสร้างซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้ในองค์กรลูกค้าสามารถเข้าไปจัดการวางโครงสร้างข้อมูล ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ โดยมีให้บริการบนระบบ Cloud ผ่านอินเทอร์เน็ต


Data-as-a-Service มีฟีเจอร์ให้ใช้ตั้งแต่การจัดการสร้าง Data Warehouse ไปจนถึงการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Buisness Intelligence ต่าง ๆ ที่ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา เข้าถึงได้ทั่วกันภายในองค์กร เรียกได้ว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่ให้บริการด้านข้อมูลแบบครบวงจรและจัดการข้อมูลทั้งหมดขององค์กรได้ในที่เดียว ลดเวลาและทรัพยากรในการทำงาน และเพิ่มความยืดหยุ่นให้การจัดการข้อมูลได้มากขึ้น




5. Real-time data


สำหรับการทำธุรกิจ การใช้ข้อมูลมาเป็นพื้นฐานในกระบวนการวางกลยุทธ์และตัดสินใจต่าง ๆ นั้นเรียกได้ว่ามีประโยชน์มากแล้ว แต่การมีระบบที่ตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลได้แบบเรียลไทม์นั้นมีประโยชน์ยิ่งกว่า การสร้างระบบที่ช่วยให้เราสามารถดึงข้อมูลและประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้นั้น จึงเป็นอีกเทรนด์ด้าน Data Analytics ที่จะมาแรงมากในปี 2023 ถึงแม้การจะดูข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ จำเป็นต้องอาศัยโครงสร้างด้านข้อมูลที่ซับซ้อนกว่าปกติและมีต้นทุนที่สูงกว่า แต่ประโยชน์ที่ได้รับกลับมาคือความสามารถในการตามติดทุกเรื่องในธุรกิจของเรา เพื่อปรับเปลี่ยนแผนได้ทันทุกการเปลี่ยนแปลง และรับมือกับปัญหาได้รวดเร็ว ทำให้เกิดความเสียหายน้อย


ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถดูประเภทของลูกค้าที่คลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา ณ ปัจจุบัน เพื่อปรับเปลี่ยนการแสดงหน้าโปรโมชันให้เหมาะสม การติดตามธุรกรรมทางการเงินเพื่อตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัย หรืออย่าง Facebook ก็ใช้ประโยชน์จากข้อมูลแบบเรียลไทม์จำนวนหลายร้อยกิกะไบต์ต่อวินาทีในการแนะนำโฆษณาหรือเนื้อหาที่เหมาะกับเรา ด้วยโฆษณาและเนื้อหาที่เสมือนว่ารู้ใจและมาในจังหวะที่ถูกต้อง ทำให้ Facebook สามารถดึงดูดให้เราท่องอยู่ใน Facebook ได้หลายชั่วโมงต่อวัน ระบบที่สามารถให้เราดูและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์จึงมีประโยชน์มากในโลกที่หมุนอย่างรวดเร็ว และเป็นอีกเรื่องที่ธุรกิจควรลงทุนในปี 2023


ที่เซอร์ทิส เราคือผู้นำทางด้านเทคโนโลยี Data Analytics ที่พร้อมสร้างสรรค์โซลูชันที่ช่วยให้คุณใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม และปรับใช้ทุกเทคโนโลยีใหม่ในแวดวง Data Analytics เพื่อหา Insight ที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจ ตั้งแต่ Augmented Analytics ไปจนถึงการหา Insight แบบเรียลไทม์ เพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ให้ทุกธุรกิจ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันด้าน Data Analytics จากเซอร์ทิสได้ที่: https://www.sertiscorp.com/services



bottom of page