top of page
  • รูปภาพนักเขียนSertis

เทคโนโลยี AI พลิกโฉมกองทุน Hedge Fund


เอไอหรือปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามามีบทบาทแทบทุกอุตสาหกรรม และได้กลายเป็นผู้ช่วยมือดีของมนุษย์เรา เราต่างใช้ประโยชน์จากอัลกอริธึมสุดชาญฉลาดของเอไอในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยให้การตัดสินใจในธุรกิจนั้นแม่นยำมากขึ้น

การเงินและกองทุนเองก็ไม่พ้นมีการนำเอาเอไอมาใช้ให้เป็นประโยชน์เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจทางการเงินที่ต้องอาศัยการตัดสินใจที่รอบคอบอย่าง ‘กองทุน’ ซึ่งในระยะเวลาหลายปีมานี้ บริษัทกองทุน Hedge Fund ใหญ่ ๆ ทั่วโลกก็มีการนำเอาเอไอมาเป็นผู้ช่วยในการตัดสินใจต่าง ๆ หรือบางกองทุนก็ใช้เอไอล้วน (Pure AI) โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการตัดสินใจของมนุษย์เลย

วันนี้ Sertis จะพาทุกคนไปศึกษากันว่าเราจะใช้ประโยชน์จากเอไอในการบริหารกองทุนอย่างไร กองทุนที่ใช้เอไอล้วนกับกองทุนที่ใช้เอไอเป็นเพียงผู้ช่วยนั้นแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงไปดูกันว่ากองทุนเอไอนั้นมีประสิทธิภาพและผลตอบแทนที่ดีขึ้นหรือไม่อย่างไร


หน้าที่ของเอไอในการจัดการกองทุน ปกติแล้วผู้จัดการกองทุนนั้นต้องมีทักษะในการวิเคราะห์ที่เฉียบขาด มีสไตล์การลงทุนที่น่าเชื่อถือ มีทักษะในการตัดสินใจที่ดี คาดการณ์ให้ได้ผลตอบแทนตามที่ต้องการ การวิเคราะห์และตัดสินใจทางการลงทุนนั้นก็ต้องอาศัยการวิเคราะห์จากข้อมูลจำนวนมากอย่างรอบคอบ ด้วยเหตุนี้นักวิจัยและบริษัทกองทุนต่างตัดสินใจนำเอไอลงมาเป็นตัวช่วยในเกมการลงทุน หน้าที่ของเอไอในการเป็นผู้ช่วยในกองทุนมีดังนี้ 1. ตรวจดูข้อมูลจำนวนมากเพื่อหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องและนำมาวิเคราะห์ เช่น สุขภาพทางการเงินของบริษัท กำไร ภาพลักษณ์ สภาพตลาด เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองและข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เพื่อวิเคราะห์ว่าหุ้นนั้น ๆ น่าลงทุนหรือไม่ 2. นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และแนะนำกลยุทธ์ในการลงทุน เช่น จัดอันดับหุ้นที่น่าลงทุน ในบางบริษัทมีการใช้เทคโนโลยีที่เอไอประมวลผลออกมาได้เลยว่าควรซื้อหุ้นไหน และซื้อเท่าไหร่ หรือ ในกองทุนที่บริหารโดยเอไอล้วน เอไอก็จะดำเนินกลยุทธ์เหล่านั้นทันทีโดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์เลย 3. ควบคุมความเสี่ยง คอยตรวจดูการเปลี่ยนแปลง หาสัญญาณที่ชี้ถึงความเสี่ยง



ใช้เอไอเป็นเพียงผู้ช่วย หรือ ให้เอไอบริหารเอง แบบไหนเหมาะกับกองทุนยุคโควิด-19?

อย่างที่เราพูดถึงกันไปในตอนต้นว่ามีทั้งบริษัทกองทุนที่ใช้เอเอมาเป็นเพียงผู้ช่วยของผู้จัดการกองทุนอีกที ช่วยให้จากที่ต้องใช้ผู้จัดการกองทุน 6-7 คนในการจัดการกองทุน 10 กองทุน อาจลดเหลือเพียงแค่ 1 คนต่อ 10 กองทุนเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็มีกองทุนที่ใช้เอไอล้วน ๆ ในการจัดการกับกองทุน

โดยปกติแล้วกองทุนส่วนใหญ่ที่นำเอไอมาเป็นผู้ช่วยจะเป็นกองทุนแบบ Quant เป็นการใช้เอไอให้เข้ามาช่วยคิดคำนวณเชิงตัวเลข โดยมีมนุษย์เป็นคนป้อนข้อมูลตัวเลขในอดีตเพื่อนำไปใช้ในการสร้างอัลกอริธึม หลังจากนั้นอัลกอริธึมจะตรวจหารูปแบบการผันผวนและทิศทางของตลาดที่มักเกิดขึ้นบ่อย และส่วนมากจะใช้การตัดสินใจของมนุษย์มาเป็นขั้นสุดท้าย

แต่การเกิดขึ้นของวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 ก็เป็นตัวพิสูจน์ว่าวิธีข้างต้นอาจไม่ได้ผลเสมอไป เพราะเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดครั้งนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมานานในประวัติศาสตร์หลายทศวรรษ และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับทุกภาคส่วน ทำให้การใช้อัลกอริธึมที่เรียนรู้จากข้อมูลในอดีตนั้นไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป และตัวโมเดลเองก็ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ อย่างวิกฤตินี้ได้

ซึ่งต้องบอกตรง ๆ ว่าแม้การมีมนุษย์คอยควบคุมและป้อนข้อมูลอาจฟังดูปลอดภัยกว่าสำหรับเรื่องกองทุน แต่ในสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากหลังการเกิดวิกฤติครั้งนี้ การใช้โมเดลที่ดำเนินการโดยเอไอล้วน ๆ โดยที่เอไอสามารถตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ต้องอาศัยมนุษย์นั้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เอไอรูปแบบนี้สามารถปรับตัวได้รวดเร็วเมื่อสภาวะการณ์ของตลาดเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ไม่ต้องรอการควบคุมจากมนุษย์

เอไอในรูปแบบใหม่นี้จะคอยเก็บข้อมูลด้วยตนเองและอัปเดตอัตโนมัติทุกครั้งที่ได้รับข้อมูลใหม่ ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับใช้ในตลาดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหนัก และคาดการณ์ได้ยากอย่างทุกวันนี้ เอไอจะทำงานโดยใช้แหล่งข้อมูลนอกเหลือจากตัวเลข เช่น โซเชียลมีเดีย หรือใช้เทคโนโลยีค้นหาคีย์เวิร์ดในข่าวเพื่อดูอารมณ์ตลาด (Market Sentiment) ซึ่งหมายถึงอารมณ์ของนักลงทุนที่มีต่อหุ้นและสภาวะตลาด ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลมากต่อทิศทางการเคลื่อนไหวหุ้นทั้งตลาด วิธีนี้ทำให้เอไอสามารถคาดการณ์ตลาดได้รอบด้าน และอัปเดตข้อมูลได้ทันท่วงที ดังนั้นการบริหารกองทุนแบบใช้เอไอล้วนอาจเป็นคำตอบที่ดีกว่าสำหรับยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้

ผลประกอบการของกองทุนเอไอ

ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการนำเอไอเข้ามาใช้ในปี 2016 นั้น ความนิยมของกองทุนเอไอก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี 2018 นั้นผลสำรวจแสดงให้เห็นว่ากองทุน Hedge Fund กว่า 56 เปอร์เซ็นต์ใช้เอไอในการบริหาร

จากผลสำรวจของ Preqin Pro ในภาพจะเห็นว่าหากดูจากผลตอบแทนรวม 3 ปีตั้งแต่ปี 2018-2019 นั้น กองทุนที่ใช้เอไอมีผลตอบแทนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดโดยมีสูงถึง 29.96 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ผลตอบแทนของกองทุนดั้งเดิมมีเพียง 23.87 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้จากข้อมูลสถิติในปี 2020 ที่ผ่านมาก็ย้ำชัดยิ่งขึ้นว่า กองทุนเอไอหลายกองทุนนั้นมีผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2017-2020 ผลตอบแทนของกองทุนที่ใช้เอไอนั้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 34 เปอร์เซ็นต์

และในช่วงวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 กองทุนแบบใช้เอเอล้วนก็ยังสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าที่คาดไว้มาก ยกตัวอย่าง Volt Capital Management AB บริษัทกองทุน Hedge Fund สัญชาติสวีเดน หนึ่งในบริษัทกองทุนที่นำเอไอมาบริหารล้วน ๆ ไม่มีมนุษย์มาเกี่ยวข้อง ได้นำเอไอมาใช้ในการวิเคราะห์แบบจำลองเศรษฐกิจ คิดกลยุทธ์ และให้ดำเนินการตัดสินใจต่าง ๆ ด้วยตนเอง ซึ่งในปี 2020 ที่ผ่านมา บริษัทมีผลตอบแทนรวมที่ 24 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 14 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

Project One ก็เป็นอีกกองทุนที่ใช้เอไอแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ในการวิเคราะห์และหากลยุทธ์ในการลงทุน โดยใช้เอไอในการวิเคราะห์ความต้องการของตลาด และอัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซีอีโอของ Project One ถึงกับกล่าวว่าถ้ากองทุนอื่น ๆ ไม่ปรับใช้โมเดลเอไอรูปแบบนี้ก็อาจจะอยู่ไม่ไหวในโลกปัจจุบัน

Next Alpha ก็เป็นอีกกองทุนที่ใช้เอไอในการตัดสินใจทุกการลงทุนแทนมนุษย์ รวมถึงเป็นกองทุนที่ใช้ระบบที่มีชื่อว่า Accern ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลข่าวและโซเชียลมีเดีย เพื่อนำมาสร้างโมเดลในการวิเคราะห์ตลาดได้ ซึ่งระหว่างปี 2019-2020 นั้น Next Alpha มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้ามาเป็นตัวช่วยใหม่ ๆ แต่ในทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ควรศึกษาอย่างรอบคอบและเลือกลงทุนในระดับที่รับความเสี่ยงไหว แต่ถ้ามั่นใจแล้ว ลองเลือกลงทุนในกองทุนที่ใช้เอไอดูก็ไม่เสียหายนะครับ



bottom of page