และแล้วก็เดินทางมาถึงช่วงสิ้นปีกันอีกครั้ง หากเราย้อนดูตลอดปี 2024 ที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าเป็นปีที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และเอไอก็ยังคงเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ทั้งน่าสนใจและถูกจับตามองมากที่สุด เพราะเอไอไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานในหลายภาคส่วนเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจและชีวิตประจำวันของเราอีกด้วย ดังนั้นเอไอจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่มีแนวโน้มว่านักวิจัยและผู้ประกอบการทั่วโลกจะให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องไปอีกเรื่อย ๆ
แน่นอนว่าช่วงใกล้จะสิ้นปีแบบนี้ การคาดการณ์ถึงอนาคตของปีถัดไปก็คือสิ่งที่ทุกคนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ วันนี้เราก็เลยจะพาทุกคนไปดู 10 เทรนด์เอไอที่น่าจับตามองในปี 2025 เพื่อเตรียมพร้อมนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
1. การออกกฎหมายควบคุม AI
เทรนด์แรกที่เราจะมาพูดถึงคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการนำเอไอมาใช้ ซึ่งก็คือการกำหนดขอบเขตของการใช้งานนั่นเอง โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2025 จะมีการกำกับดูแลเอไอที่เข้มงวดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าการใช้เอไอนั้นเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรมอยู่เสมอ
ซึ่งในปีนี้ที่ผ่านมาสหภาพยุโรปและจีนก็ได้เริ่มออกกฎหมายเพื่อควบคุมการใช้เอไอแล้ว เช่น การห้ามสร้าง Deepfake และการควบคุมการใช้เอไอในภาคการเงินและกฎหมาย ในปีต่อ ๆ ไป เราน่าจะได้เห็นกฎหมายเกี่ยวกับเอไอเที่เน้นคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ลดการเลือกปฏิบัติ และการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
2. การทำงานร่วมกับ AI
ในปี 2025 การทำงานกับเอไอจะมีบทบาทมากขึ้น เอไอจะช่วยมนุษย์ในหลายด้าน ทั้งในการตัดสินใจและการเข้าไปทำแทนในงานที่ซ้ำซากจำเจ ทำให้คนมีเวลามุ่งไปที่งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น บริษัทต่าง ๆ ก็มีการเริ่มปรับตัวให้คนกับเอไอทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว เหล่าพนักงานเองจึงต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อทำงานร่วมกับเอไอที่พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วได้ ซึ่งจะทำให้โลกของการทำงานมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก
3. Quantum AI
Quantum AI จะนำพาเอไอไปสู่ระดับที่เหนือกว่าเดิม ด้วยความสามารถในการประมวลผลข้อมูลด้วยความเร็วที่สูงกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปหลายล้านเท่า ทำให้เอไอสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนายาใหม่ ๆ การเข้ารหัสหรือการจำลองทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งในปี 2025 ก็คาดว่า Quantum AI จะเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพเป็นอย่างยิ่งที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในหลากหลายอุตสาหกรรม
4. การตัดสินใจด้วย AI แบบเรียลไทม์
ในปีหน้าที่จะถึงนี้ การตัดสินใจด้วยเอไอแบบเรียลไทม์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลากหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น เช่น การเงิน โลจิสติกส์ และการดูแลสุขภาพ เอไอจะช่วยให้บริษัทสามารถวิเคราะห์และตอบสนองต่อสภาวะตลาดหรือพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ทันที ทำให้สามารถตัดสินใจได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น ช่วยเพิ่มความคล่องตัว ลดความเสี่ยงในการดำเนินงาน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
5. การพัฒนาของ AI ที่สื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี Natural Language Processing (NLP) และการจดจำเสียง เอไอจะสามารถเข้าใจบริบทและความหมายของการสื่อสารได้ดีขึ้น การพัฒนานี้จะทำให้เอไอมีความสามารถในการโต้ตอบกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติและสมจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจความแตกต่างทางภาษา โทนเสียง หรือแม้กระทั่งการเล่นมุกตลก การพัฒนาเหล่านี้จะช่วยให้การนำเอไอไปใช้ในงานบริการหรือเพื่อความบันเทิงเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
6. การสร้างวิดีโอด้วย AI
การสร้างวิดีโอด้วยเอไอหลังจากนี้จะเปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง ผู้ใช้จะสามารถสร้างวิดีโอคุณภาพสูงได้ง่ายมากขึ้น เช่น เครื่องมือสุดล้ำ อย่าง Movie Gen จาก Meta หรือ Veo จาก Google ที่ให้ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอที่สมจริงผ่านการป้อนข้อความคำสั่งโดยแทบไม่ต้องใช้ทักษะด้านเทคนิคใด ๆ ทำให้วิดีโอสไตล์ภาพยนตร์นั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน ซึ่งในตอนนี้ก็ได้มีโฆษณาที่สร้างด้วยเอไอทั้งหมดหรือภาพยนตร์ที่ใช้เอไอเข้ามาช่วยให้สมจริงยิ่งขึ้นออกมาให้เราได้เห็นผ่านตาบนอินเทอร์เน็ตกันบ้างแล้ว
7. การเปลี่ยนแปลงและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของข้อมูล
การผสาน Large Language Model (LLM) เข้ากับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการประมวลผลข้อมูล จะส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานของข้อมูลเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก บริษัทจำเป็นต้องปรับปรุงระบบการจัดการข้อมูลเพื่อรองรับปริมาณข้อมูลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และเพิ่มความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อน รวมถึงการลงทุนในระบบจัดเก็บและการประมวลผลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้เอไอทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
8. การตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย AI
เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของ Deepfake และข้อมูลเท็จมากมายบนอินเทอร์เน็ต เอไอจะมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเหล่านั้นมากยิ่งขึ้น โดยเอไอสามารถแยกแยะข้อมูลจริงออกจากข้อมูลเท็จได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่ถูกต้องเสริมไปได้ด้วยเช่นกัน
การตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยเอไอจะกลายเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับสื่อและแพลตฟอร์มออนไลน์ในการป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดพลาด ทำให้สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้งาน และรักษาความน่าเชื่อถือของข้อมูลในโลกออนไลน์ไว้ได้ ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อยครั้ง เช่น Community Notes ในโซเชียลมีเดียที่ชื่อว่า X
9. การทำงามร่วมกันระหว่างการพัฒนาซอฟต์แวร์และการจัดการข้อมูล
ในปี 2025 การพัฒนาซอฟต์แวร์และการจัดการข้อมูลจะกลายเป็นส่วนที่แยกออกจากกันได้ยาก การใช้เอไอจะมีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนของการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างระบบอัจฉริยะที่รองรับการทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น สิ่งนี้จะส่งผลให้การทำงานร่วมกันระหว่าง Software Engineer และ Data Scientist ยิ่งมีความสำคัญมากกว่าเดิม การร่วมมือระหว่างสองฝ่ายนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาโซลูชันที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างตรงจุดมากกว่าเดิม
10. ความยั่งยืนในการใช้ AI
เมื่อเอไอพัฒนาอย่างรวดเร็ว ความยั่งยืนก็กลายมาเป็นประเด็นสำคัญที่หลายบริษัทให้ความสนใจมากขึ้น แนวคิด Green AI ที่เน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและพลังงานหมุนเวียนได้รับความสนใจอย่างมาก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือความร่วมมือระหว่าง Google และ Kairos Power ในการนำพลังงานนิวเคลียร์สะอาดมาใช้เพื่อป้อนพลังงานให้ศูนย์ข้อมูล ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้เอไอ
อย่างไรก็ตาม เรายังคงต้องพิจารณาความเสี่ยงและต้นทุนของพลังงานนิวเคลียร์ รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ในอนาคต เราน่าจะได้เห็นตัวอย่างเทคโนโลยีที่ลดความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยให้เอไอพัฒนาไปพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนมากขึ้น
ถ้าหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่อยากจะเตรียมพร้อมเติบโตไปกับโลกของเอไอในปี 2025 ก่อนใคร เซอร์ทิสขอนำเสนอโซลูชันด้านเอไอที่พร้อมช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งพัฒนาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมออกแบบโซลูชันที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในทุก ๆ อุตสาหกรรม
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันและติดต่อเราได้ที่: https://www.sertiscorp.com
Comments