top of page
  • รูปภาพนักเขียนAnantaya Pornwichianwong

ส่อง 5 เทรนด์การใช้เอไอในอุตสาหกรรมการผลิต



การใช้เอไอในอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing) เริ่มมีมากขึ้นอย่างก้าวกระโดดในทศวรรษที่ผ่านมา และแน่นอนว่าภาพโรงงานอุตสาหกรรมในหัวของเราจะเปลี่ยนไปมากขึ้นอีกในอนาคต เราจะได้เห็นการนำหุ่นยนต์และเอไอเข้ามาใช้ทำงานในโรงงานจนกลายเป็นเหมือนภาพในหนัง Sci-Fi ที่เคยทำเราตื่นตาตื่นใจ


และที่สำคัญคือ มีรายงานว่าการใช้เอไอในโรงงานอุตสาหกรรมช่วยลดต้นทุนและสร้างรายได้ราว 1.3-2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นมูลค่ามหาศาลที่ผู้ประกอบการมองข้ามไม่ได้ การปรับตัวของโรงงานเข้าหาการเป็นโรงงานอัจฉริยะที่ควบคุมด้วยเอไอ (Smart Factory) จึงกลายเป็นเส้นทางที่ผู้ผลิตต้องมุ่งหน้าไป


การใช้เอไอในการผลิตสามารถทำได้แทบจะทุกแง่มุมของการดำเนินงานในโรงงาน โดยมีเทคโนโลยีให้เลือกใช้หลากหลาย และตอบโจทย์ได้แทบทุกข้อจำกัดของอุตสาหกรรม เซอร์ทิสชวนมาดู 5 เทรนด์การใช้เอไอในอุตสาหกรรมการผลิตที่เห็นกันมากในปัจจุบัน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านเอาไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมของตนเอง และเพิ่มขีดความสามารถในอุตสาหกรรมได้ครับ



1. การใช้เอไอสร้างโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory)


การสร้างโรงงานอัจฉริยะประเภท Smart Factory ที่ควบคุมด้วยเอไอ จะเน้นไปที่การประยุกต์ใช้หุ่นยนต์ (Robotics) ร่วมกับเอไอ ที่จะสามารถช่วยทุ่นแรงมนุษย์ในงานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น การควบคุมเครื่องจักร เพิ่มความปลอดภัยในการทำงานในโรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อีกทั้งช่วยควบคุมการผลิตและต้นทุน โดยปัจจุบันมีการนำเอไอไปใช้อย่างแพร่หลายในหน้าที่ต่อไปนี้


  • เปลี่ยนการทำงานที่ซับซ้อนในโรงงานให้หุ่นยนต์มาทำแทนแบบอัตโนมัติ

  • ใช้เอไอตรวจจับความผิดปกติของเครื่องจักรหรือสินค้าในขั้นตอนการผลิตและระบบต่าง ๆ รวมถึงแจ้งเตือนฝ่ายเทคนิคอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเกิดปัญหา

  • สร้างแพลตฟอร์มเอไอศูนย์กลางในการจัดการข้อมูลในการปฏิบัติงาน ทำให้การควบคุมดูแลและส่งต่อข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น

  • ใช้เอไอช่วยอำนวยความสะดวกในการขยายกำลังการผลิตให้ตอบรับความต้องการที่อาจเปลี่ยนแปลงไป

  • ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในโรงงานด้วยเทคโนโลยีเอไอแบบ Video Analytics


หนึ่งในตัวอย่างการนำไปใช้จริงที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นการใช้เอไอครอบคลุมทุกมิติของการทำงานในโรงงาน โดยเริ่มตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบการผลิตด้วย Computer Vision ที่ทำหน้าที่เหมือนตาของเอไอคอยตรวจจับและควบคุมดูแลการผลิต การใช้ระบบ Data Analytics ด้วยเอไอที่มีอัลกอริธึมมาทำหน้าที่เหมือนสมองคอยวิเคราะห์ประสิทธิภาพการผลิตส่วนต่าง ๆ และปรับการผลิตให้ได้ผลิตภาพสูงสุด รวมไปถึงการใช้หุ่นยนต์เข้ามาทำแทนในส่วนของการควบคุมการผลิตต่าง ๆ โดยมาคุมขั้นตอนและจำนวนในการผลิต ทำให้ระบบการผลิตได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องหยุดพัก



2. เอไอประเภท Natural Language Processing (NLP) ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดในโรงงาน


เอไอประเภท Natural Language Processing (NLP) เป็นเอไอที่มีความสามารถในการเข้าใจและโต้ตอบเป็นภาษามนุษย์ แบบที่เราเคยเห็นกันแล้วผ่าน Chatbot หรือนวัตกรรมช็อกโลกอย่าง ChatGPT ซึ่งเอไอประเภทนี้สามารถมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบของ Chatbot ในโรงงานอุตสาหกรรม ที่ให้พนักงานในโรงงานรายงานปัญหาที่พบหรือขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องจักร จากนั้นเอไอใน Chatbot จะทำหน้าที่ค้นหาข้อมูลมหาศาลจากฐานข้อมูลของโรงงาน เพื่อช่วยแนะนำทางแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ


วิธีนี้จะช่วยลดเวลาในการทำงานของทั้งพนักงานและผู้ดูแล เพิ่มความน่าเชื่อถือในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานในโรงงานได้



3. เอไอช่วยเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ระบบ Supply Chain


โดยปัจจุบันระบบ Supply Chain ในอุตสาหกรรมการผลิตมีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับอายุสินค้า การจัดตารางการผลิตสินค้าชนิดต่าง ๆ และความผันผวนในเรื่องความต้องการของสินค้า รวมถึงแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและความโปร่งใส


โซลูชันเอไอและแมชชีนเลิร์นนิงจึงมีส่วนช่วยในการเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ในระบบ Supply Chain ได้เป็นอย่างดี โดยเอไอได้เข้ามาช่วยคาดการณ์ข้อมูลในส่วนต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ และตัดสินใจสั่งการได้รวดเร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ตารางการผลิต แก้ปัญหาคอขวดในการผลิต ขยายกำลังการผลิตให้รองรับความต้องการ และวางแผนการกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ


มีรายงานว่าผู้ผลิตอาหารสัญชาติฝรั่งเศสใช้เอไอเข้ามาช่วยเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์การทำงานในระบบ Supply Chain โดยลดความผิดพลาดในการคาดการณ์ได้กว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ลดการเสียโอกาสในการขายได้ 30 เปอร์เซ็นต์ และลดภาระงานและเวลาในการทำงานของพนักงานที่ต้องวางแผนได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว



4. เอไอช่วยควบคุมคุณภาพในการผลิตสินค้า


หนึ่งในสิ่งที่เอไอมีเหนือกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ คือความรอบคอบ เนื่องจากความสามารถในการอ่านข้อมูลมหาศาลและมองลึกลงไปทุกรายละเอียด ทำให้ไม่มีอะไรสามารถหลุดรอดสายตาของเอไอไปได้ การใช้เอไอมาช่วยควบคุมดูแลคุณภาพสินค้าจึงเป็นอีกเทรนด์ที่มาแรงในอุตสาหกรรมการผลิต


แม้กระทั่งหุ่นยนต์อุตสาหกรรม (Industrial Robots) ที่ใช้กันมานานหลายปี ยังมีระดับความรอบคอบที่น้อยกว่าเอไอ และมีโอกาสผิดพลาดและปล่อยสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานออกไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งส่งผลเสียต่อระดับความน่าเชื่อถือของแบรนด์และอาจทำให้เสียลูกค้าและสิ้นเปลืองต้นทุนได้


เอไอจึงสามารถเข้ามาช่วยตรวจจับความไม่สมบูรณ์ของสินค้าที่อาจเป็นแค่จุดเล็ก ๆ ที่หุ่นยนต์มองข้ามไป โดยใช้เทคโนโลยีอย่าง Computer Vision กับกล้องและเซนเซอร์ รวมถึงเชื่อมต่อการทำงานของเครื่องจักรเข้าด้วยกันทั้งหมดด้วย Internet of Things (IoTs) เพื่อให้สั่งการหยุดการผลิตหรือนำสินค้าที่มีปัญหาออกจากสายพานได้ โดยเอไอจะได้รับการเทรนด์ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้าทำให้ตัดสินใจได้อย่างรอบคอบว่าสินค้าไหนไม่สมบูรณ์ ไม่ผ่านมาตรฐาน หรือมีคุณสมบัติที่ผิดไปจากที่ตั้งไว้ ทำให้สินค้าทั้งหมดที่ออกสู่มือผู้บริโภคมีคุณภาพสูงสุดตรงตามมาตรฐานของแบรนด์



5. เอไอช่วยสร้างโรงงานที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม


รายงานจาก BCG เปิดเผยว่า การใช้เอไอในโรงงานอุตสาหกรรมช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราว 2.6 - 5.3 กิกะตัน ซึ่งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมของเราเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศเป็นจำนวนมาก


นอกจากนี้โรงงานยังสามารถใช้เอไอในการช่วยตรวจวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ที่ทางโรงงานปล่อยออกไป รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลการปฏิบัติงานในโรงงานเพื่อหาที่มาของคาร์บอนในกระบวนการผลิตเพื่อปรับปรุงและหาแนวทางที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้


เอไอยังสามารถช่วยลดขยะในกระบวนการผลิตได้ ด้วยการควบคุมกระบวนการผลิตไม่ให้มีสินค้าที่ไม่ผ่านมาตรฐานจนต้องกลายเป็นขยะ หรือใช้เอไอและหุ่นยนต์มาช่วยแยกขยะในอุตสาหกรรม รีไซเคิลขยะ รวมไปถึงการใช้เอไอมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อออกแบบแนวทางการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การดัดแปลงรูปแบบแพกเกจจิ้งให้ลดการใช้พลาสติกลง เป็นต้น


เทคโนโลยีที่หลากหลายได้เข้ามาช่วยอุดรูรั่วและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตในหลากหลายด้าน มีเทคโนโลยีมากมายรอให้เราได้เลือกใช้ แต่อย่างที่เราย้ำเสมอว่าเทคโนโลยีที่ดีที่สุดไม่ใช่เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุด ราคาแพงที่สุด หรือไม่ต้องใช้แรงงานคนเลย แต่เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับองค์กรและระบบการทำงานของเรา ที่จะช่วยผลักดันและปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจให้พัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด


เซอร์ทิสคือผู้นำด้าน AI Engine ที่ช่วยสร้างสรรค์และออกแบบโซลูชันเอไอที่ตอบโจทย์ทุกข้อจำกัดและลักษณะเฉพาะตัวของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม เพื่อสร้างโซลูชันที่คุ้มค่าที่สุด มาร่วมสร้างสรรค์โซลูชันเอไอที่ใช่ที่สุดกับเรา


ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของโซลูชันด้านอุตสาหกรรมการผลิตจากเซอร์ทิสได้ที่: https://www.sertiscorp.com/services


bottom of page