นับเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ที่องค์กรในประเทศไทยมีการนำดาต้าและเอไอมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ จากกระแสของคำว่า “Big Data” ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทและเป็นที่รู้จักในปี 2016 ตามมาด้วยคำที่น่าสนใจใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น “Data Science” “Data Transformation” “Blockchain” หรือ “Multiverse” จนเข้าสู่ยุคของคำว่า “เอไอ” อย่างเต็มตัวในปัจจุบัน
เซอร์ทิส คือ หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการดาต้าและเอไอโซลูชันสัญชาติไทย ที่ได้ดำเนินธุรกิจก้าวผ่านทุกกระแสความเปลี่ยนแปลงและวลีฮิตต่าง ๆ และยังคงยืนหยัด ปรับตัว ส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมาเกือบหนึ่งทศวรรษ
หลังจากที่ได้จบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และสั่งสมประสบการณ์การทำงานมาหลายปีในต่างประเทศ ธี ธัชกรณ์ วชิรมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท เซอร์ทิส จำกัด ได้เข้าใจในความสำคัญของเทคโนโลยีดาต้าและเอไออย่างลึกซึ้ง และมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาสร้างประโยชน์และมูลค่าให้กับธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ธุรกิจในประเทศไทยยังขาดการนำมาประยุกต์ใช้อย่างจริงจังในยุคนั้น
ธีได้เปรียบเทียบภูมิทัศน์ทางธุรกิจเมื่อ 10 ปีที่แล้วกับปัจจุบัน ว่า “ในช่วงนั้นคำว่า “เอไอ” ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน แรกเริ่มจะมีคำว่า “Big Data” ที่หมายถึง การทำงานร่วมกับข้อมูลจำนวนมหาศาล ที่จะพอเป็นกระแสให้รู้จักในองค์กรขนาดใหญ่ แต่ในปัจจุบันคำนี้ก็ไม่ถูกนำมาพูดถึงแล้ว เพราะการทำงานที่เกี่ยวกับข้อมูลล้วนมีข้อมูล Big Data เป็นองค์ประกอบพื้นฐานอยู่แล้ว”
จากมุมมองดังกล่าว ทำให้ธีตัดสินใจเริ่มธุรกิจของตนเองขึ้นในปี 2014 โดยมีวิสัยทัศน์เพื่อเป็นส่วนช่วยพัฒนาศักยภาพให้องค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยและภูมิภาคใกล้เคียง
“บททดสอบของเซอร์ทิสในช่วงแรกคือการสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจให้แก่ลูกค้า เราจึงพยายามอย่างยิ่งในการพัฒนาและเรียนรู้ เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับในฐานะของผู้นำด้านเทคโนโลยีดาต้าและเอไอ ผ่านการสร้างความสำเร็จจากการพัฒนาระบบข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ของเรา และการส่งมอบบริการที่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือผลลัพธ์ที่ลูกค้าสามารถจับต้องได้”
ธีได้อธิบายต่อถึงประสบการณ์การทำงานที่เป็นเครื่องพิสูจน์ศักยภาพและความน่าเชื่อถือของเซอร์ทิสว่า “เรามีประสบการณ์การทำงานในหลายอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก การผลิต และการเงิน ที่ผ่านมาเรามีผลงานที่ภูมิใจมากมาย ได้แก่ การสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อจัดระเบียบข้อมูลจำนวนมหาศาลให้องค์กร การใช้เครื่องมือ อาทิ Generative AI มาช่วยในการให้บริการลูกค้า และการสร้างโซลูชันเอไอมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในการพัฒนาธุรกิจอย่างแม่นยำและตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ”
“ในวันนี้หลาย ๆ ธุรกิจให้ความสนใจในเอไอมากขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกที่ที่จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีเอไอด้วยตัวเองได้อยู่ดี เซอร์ทิสจึงมองเห็นโอกาสและได้วางตำแหน่งของเราเองในฐานะผู้เชี่ยวชาญและพาร์ทเนอร์ด้านเอไอในการสร้างมูลค่า และช่วยให้ทุกองค์กรสามารถใช้เทคโนโลยีและปรับตัวไปได้ตามยุคสมัย”
ความสำเร็จตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาของเซอร์ทิสนั้นเป็นผลจากความทุ่มเทของทีมงานและบุคลากรที่มีความสามารถ “เราให้ความสำคัญกับการคัดเลือกบุคลากรคุณภาพมาโดยตลอด พยายามเฟ้นหาทีมงานที่มีแนวคิด วิสัยทัศน์ และความเชื่อมั่นร่วมกันไปกับเรา โดยไม่ได้จำกัดที่เพศ วัย การศึกษา ภาษา หรือเชื้อชาติ จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันเรามีพนักงานจากหลากหลายเชื้อชาติ และหลายองค์ความรู้กว่า 120 คน ทำให้เราสามารถทำงานและร่วมแชร์ความรู้ต่างมุมมองได้อย่างหลากหลาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเรียนรู้ แนวทางที่เราใช้ในการพัฒนาพนักงานของเรานั้นมีลักษณะเช่นเดียวกับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งต้องเริ่มเรียนรู้จากประสบการณ์ หาวิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ นำข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในตัดสินใจ พร้อมกับเปิดใจและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ เพื่อรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพอยู่เสมอ”
นอกจากนี้ธีได้ให้มุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาของเอไอในอีก 10 ปีข้างหน้าว่า “เทคโนโลยีเอไอจะถูกพัฒนาและนำมาใช้มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่ในระดับองค์กรหรือธุรกิจ แต่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของทุกคน อย่างที่เราได้รู้จัก Generative AI หรือการพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่เพื่อเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโลกเสมือนจริง (Augmented Reality) ที่พาวิถีชีวิตของเราให้เกี่ยวโยงเข้าไปในโลกออนไลน์มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ให้เติบโตยิ่งขึ้น ในมุมมองของเซอร์ทิสในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเตรียมความพร้อมและการทำงานเบื้องหลังของเอไอ เราคิดว่างานด้านพัฒนาเอไอให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทยในแง่ต่าง ๆ อาทิ ภาษา วัฒนธรรม และภูมิทัศน์ทางธุรกิจของประเทศไทย จะเข้ามามากขึ้นอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้”
สุดท้ายนี้ธีได้กล่าวถึงแนวคิดของการพัฒนาร่วมกันระหว่างเอไอและมนุษย์ว่า “เซอร์ทิสมองว่าเทคโนโลยีเอไอจะไม่เข้าไปแทนที่แรงงานมนุษย์ เพราะเอไอจะยังไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบหากปราศจากการดูแลของผู้เชี่ยวชาญ แน่นอนว่าเซอร์ทิสจะยังคงเน้นพัฒนาศักยภาพของเอไอต่อไป และสิ่งที่เราทุกคนจำเป็นต้องทำต่อจากนี้เพื่อไม่ให้ถูกแย่งงาน จึงเป็นการเรียนรู้ความสามารถของเอไอ เพื่อให้เราสามารถใช้และทำงานร่วมกับเอไอได้อย่างสร้างสรรค์ ช่วยย่นระยะเวลาในการทำงาน และส่งเสริมงานของเราให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม”
コメント